วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

เห็ดหลินจือกับโรคเกาต์





โรคเกาต์ เป็นโรคที่เกิดจากระดับกรดยูริก (Uric acid) ในเลือดสูงขึ้น ทำใหห้เกิดอาการอักเสบของข้อ บริเวณข้อและเอ็น หากเป็นเรื้อรังจะทำให้ข้อผิดรูปและเสียหน้าที่ในการทำงาน ในรายที่เรื้อรังจะทำให้เกิดก้อนที่เรียกว่า Tophi



นอกจากนั้นยังทำให้หน้าที่ของไตเสื่อม และเกิดโรคนิ่วที่ไตด้วย โรคเก๊าท์ จะหมายถึงสภาวะที่มีการเกาะของยูริคที่ข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ มีอาการปวดบวม แดง ร้อน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าท์อาจจะมีกรดยูริกในเลือดสูงหรือปกติได้ และผู้ที่มีกรดยูริกในเลือดสูงก็ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเก๊าต์เสมอไป โรคเกาต์เป็นมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 9 เท่า และมักเป็นวัยกลางคนขึ้นไป

ส่วนผู้หญิงมักเป็นหลังจากหมดประจำเดือน ปวด บวม แดง ร้อน โดยเฉพาะบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า เป็นข้อที่พบบ่อยที่สุด จะมีอาการปวดข้อ โดยมากปวดข้อเดียวแต่ก็ปวดหลายข้อได้ อาการปวดมักเป็นๆหายๆ หรือเรื้อรัง ข้อที่ปวดพบได้ทุกข้อ แต่พบมากที่ข้อนิ้ว หัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อเข่า มือข้อ ข้อนิ้วและข้อศอก พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง



ในรายที่เป็นมานานอาจพบนิ่วทางเดินปัสสาวะ มักปวดตอนกลางคืน อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ มักจะมีปัจจัยกระตุ้น ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีเพียวรีนสูง เช่น ตับ ไต เครื่องในสัตว์ ปลาซาร์ดีน น้ำสกัดจากเนื้อ น้ำต้มกระดูก เช่น น้ำก๋วยเตี๋ยว น้ำแกงจืด รวมทั้งพวกซุปสกัดชนิดขวดทั้งหลาย แป้งสาลี แป้งข้าวเหนียว อาหารไขมันสูง จะยับยั้งการขับถ่ายกรดยูริกออกจากร่างกาย เพราะเมื่อกินพิวรีนเข้าไป จะถูกร่างกายเปลี้ยนเป็นกรดยูริก นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่น คือ การดื่มแอลกอฮอร์ ความเครียด ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้มีอาการปวดด้วยเช่นกัน

ข้อที่พบว่าอักเสบได้บ่อย ได้แก่ ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ และข้อศอก เรียงตามลำดับ โดยจะบวม แดง กดเจ็บ ในรายที่เป็นเรื้อรัง จะมีการรวมตัวของกรดยูริก เกิดเป็นก้อนที่ข้อเรียก Tophi


ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือ

เห็ดหลินจือกับโรคเก๊าท์
ในเห็ดหลินจือมีสารออกกานิกเยอร์มาเนียม (Organic Germanuim) เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ช่วยในการควบคุมและปรับสมดุลของร่างกาย ให้เกิดความสมดุลระหว่างภาวะกรดและด่างในร่างกาย ก็อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ และช่วยป้องกันโรคเกาต์ในกรณีของคนที่ยังไม่ได้เป็นได้





เห็ดหลินจือกับโรคเอสแอลอี (SLE)





โรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือโรคลูปัส หมายถึงโรคที่มีการอักเสบของอวัยวะต่างๆ เนื่องมาจากภูมิคุ้มกันของตัวเองมากเกินปกติ ภูมิต้านทานในร่างกาย (antibody) เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ปกติแอนติบอดีจะมีหน้าที่คอยจับ และทำลายสิ่งที่แปลกปลอมหรือเชื้อโรคจากภายนอกร่างกาย ทำให้เกิดอาการและอาการเกือบทุกระบบของร่างกาย โรคจะกำเริบและทุเลาลงสลับกันไป ในปัจจุบันโรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการของโรคให้สงบทุเลาลงได้ และดำเนินชีวิตได้ตามปกติ หากรักษาได้ทันท่วงที



โดยสาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่ทราบแน่นอน เชื่อว่ามีปัจจัยอย่างที่ส่งเสริมให้เกิดโรคได้ดังนี้

1.พันธุกรรม พบว่าในแฝดจากไข่ใบเดียวกันมีโอกาสเกิดโรคนี้ ถึงร้อยละ 30-50 และร้อยละ 7-12 ของผู้ป่วย SLE เป็นญาติพี่น้องกัน เช่น แม่และลูกสาว หรือในหมู่พี่น้องผู้หญิงด้วยกัน

2.ติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถค้นพบเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ได้

3.ฮอร์โมนเพศโดยเฉพาะเอสโตรเจน โรคที่พบมากในสตรีวัยเจริญพันธุ์ บ่งชี้ว่าน่าจะมีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้ความรุนแรงของโรคยังแปรเปลียนไปตามการมีครรภ์ การมีประจำเดือน และการใช้ยาคุมกำเนิด

4.แสงแดดและสารเคมี ยาบางอย่างเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมโรคแสดงอาการของโรคนี้ได้



อาการทั่วๆไปของโรค SLE คือ จะพบอาการของไข้ ร้อยละ 40-85 มักจะเป็นไข้ต่ำๆ และหาสาเหตุไม่ได้ นอกจากนี้จะมีอาการอื่นๆร่วมอยู่ด้วย

-อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด เป็นอาการที่พบไๆด้บ่อยในขณะโรคกำเริบ

-อาการทางผิวหนังและเยื่อบุช่องปากในระยะเฉียบพลัน ที่พบได้บ่อยที่สุด คือ ผื่นรูปปีกผีเสื้อ ลักษณะเป็นผื่นบวมแดงนูน บริเวณโหนกแก้มและสันจมูก ผื่นจะเป็นมากขึ้นเมื่อถูกแสงแดด อาการทางผิวหนังอีกอย่างหนึ่งของโรคนี้ คือ ปลายเท้าซีดเซียวเมื่อถูกน้ำ หรืออากาศเย็น นอกจากนี้อาจพบผมร่วง และแผลในปากได้

-อาการทางข้อและกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด ส่วนใหญ่เป็นอาการปวดข้อมากกว่าลักษณะข้ออักเสบ มักเป็นบริเวณข้อเล็กๆของนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่ ข้อเท้า หรือข้อเข่า เป็นเหมือนๆกันทั้ง 2 ข้าง ร้อยละ 17-45 พบอาการปวดกล้ามเนื้อ

-อาการทางไต ผู้ป่วยบางรายมาพบแพทย์ด้วยอาการทางไตเป็นอาการนำ อาการแสดงที่สำคัญของไตอักเสบจากลูปัส ได้แก่ บวม ปัสสาวะเป็นฟอง ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ ความดันโลหิตสูง

-อาการทางระบบเลือด อาการที่พบได้แก่ อ่อนเพลีย หน้ามืดจากภาวะซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และเกล็ดเลือดต่ำ อาจพบจุดจ้ำเลือดออกตามตัวได้

-อาการทางระบบประสาท อาการที่พบได้ คือ อาการชักและอาการทางจิต นอกจากนี้อาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรง หรือ อาการอ่อนแรงของแขนขา อาจพบได้ในระยะที่โรคกำเริบ

-อาการทางปอดและเยื่อหุ้มปอด อาการที่พบบ่อย คือ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ อาการแสดงคือ เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเวลาหายใจเข้าสุด ตรวจพบมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด บางรายมีอาการปอดอักเสบ ซึ่งต้องแยกจากปอดอักเสบติดเชื้อ

-อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด ที่พบบ่อยคือ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ซึ่งมักพบร่วมกับเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปู้ป่วยจะมาด้วยอาการเจ็บหน้าอก มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เหนื่อยง่าย โรคหลอดเลือดหัวใจส่วนใหญ่ เป็นผลมาจากภาวะหลอดเลือดแข็ง จากการได้รับยาสเตอรอยด์เป็นระยะเวลานานๆ

นอกจากนี้ภาวะความดันโลหิตสูง ก็เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยจากไตอักเสบเรื้อรัง และจากการได้รับยาสเตอรอยด์

-อาการทางระบบทางเดินอาหาร ไม่มีอาการที่จำเพาะสำหรับโรคลูปัส อาการที่พบบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ซึ่งเป็นผลจากการใช้ยารักษาโรคลูปัส เช่น NSAIDS ยาสเตอรอยด์ อาการยังคงอยู่ได้แม้จะหยุดยาไปเป็นสัปดาห์

ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือ


เห็ดหลินจือกับโรคเอสแอลอี
โปรตีน Lz-8 ที่ค้นพบในเห็ดหลินจือ (Ling Zhi protien Lz-8) ช่วยปรับรักษาอาการของโรค SLE นอกจากนั้นยังมีสารออแกนิกเยอร์มาเนียม (Organic Germanium) และโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย



วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

เห็ดหลินจือกับโรคริดสีดวงทวาร





สาเหตุของการเกิดโรคริดสีดวงทวาร คือ หลอดเลือดดำที่ใต้เยื่อเมือก และผิวหนังในบริเวณทวารหนัก มีการปูดพองเป็นหัวขึ้นมา เนื่องจากมีภาวะความดันในหลอดเลือดดำสูงจากสาเหตุต่างๆ เช่น การเบ่งถ่ายอุจจาระ ท้องผูก การนั่งนานๆ ภาวะตั้งครรภ์ น้ำหนักมาก การกินอาหารที่มีกากใยน้อย ไอเรื้อรัง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง ทำให้มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งจะมีผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก ก้อนเนื้องอกในท้อง มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

เนื่องจากในบริเวณทวารหนักจะมีกลุ่มหลอดเลือดดำอยู่เป็นแนวยาว จากปากทวารหนักต่อขึ้นไปในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดริดสีดวงทวารได้หลายแห่ง (หลายหัว)

โรคริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไป ในบริเวณทวารหนักเกิดการปูดพองเป็นหัว เรียกว่า หัวริดสีดวง แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว อาจพบเป็นเพียงหัวเดียว หรือหลายหัวก็ได้ ถ้าเกิดจากหลอดเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) ซึ่งอาจมองเห็นจากภายนอกได้ ถ้าเกิดจากหลอดเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปเรียกว่า ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อใช้เครื่องมือส่องทวารหนัก เป็นโรคที่พบได้บ่อย และพบเป็นสาเหตุอันดับแรกๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด โดยทั่วไปไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็นๆหายๆเรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง

อาการสำคัญก็คือ การถ่ายอุจจาระออกมาเป็นเลือดสดๆทั้งนี้ เนื่องจากการเบ่งถ่ายแรงๆ หัวริดสีดวง (กลุ่มหลอดเลือดดำขอด) จะปริแตกออก อาการส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนักเป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตุได้ว่าที่กระดาษชำระมีเลือดเปื้อนปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยด โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร

บางคนอาจรู้สึกเจ็บที่ทวารหนัก และถ่ายอุจจาระลำบาก หรืออาจมีอาการคันก้น ถ้าริดสีดวงอักเสบ หรือหลุดออกมาข้างนอก อาจทำให้รู้สึกปวดอย่างรุนแรง จนถึงกับนั่ง ยืน หรือเดินไม่สะดวก และคลำได้ก้อนเนื้อนุ่มๆ สีคล้ำๆที่ปากทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมามากหรือเกิดเรื้อรังอาจจะมีอาการซีดได้

ในระยะแรกจะมีอาการถ่ายเป็นเลือด โดยที่ไม่มีอาการปวด แต่ในระยะหลังอาจมีอาการปวดมากขึ้นหรือมีก้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนที่ออกมาแล้ว ดันกลับเข้าไปไม่ได้จะปวดมาก ถ้ามีเลือดออกนานๆอาจมีอาการของการขาดเลือด โลหิตจาง หน้ามืด เวียนศีรษะ สำหรับริดสีดวงภายนอกมักมาด้วยอาการปวดมากกว่า มักไม่มีเลือดออกถ้าไม่มีริดสีดวงทวารหนักภายในร้วมด้วย

โรคริดสีดวงทวารอาจทำให้มีอาการแทรกซ้อน คือ ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยนั้น มีภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก

ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือ


เห็ดหลินจือกับโรคริดสีดวงทวารหนัก
เห็ดหลินจือจะช่วยในการย่อยอาหาร และมีตัวยาที่จะทำให้แผลหรือตุ่มบริเวณทวารหนัก ทั้งภายในและภายนอกหายไป และการขับถ่ายจะเป็นปรกติ เมื่อรับประทานเห็ดหลินจือแล้ว สารนิวคลีโอไซด์ (Neucleoside) ในเห็ดหลินจือ ซึ่งมีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดที่อุดตัน ไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายเกินไป จนเกิดการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยแก้ไขอาการอึดอัดและแน่นหน้าอก ปรับให้จิตสงบลง แล้วก็รักษาอาการของริดสีดวงทวารได้อย่างดีด้วย

นอกจากนั้นสารของออแกนิกเยอร์มาเนียม (Organic germanium) ในเห็ดหลินจือยังเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ช่วยในการควบคุมและปรับสมดุลของร่างกาย เพิ่มอัตราการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มการนำออกซิเจนไปสู่เซลล์ ช่วยปรับสภาวะความดันในหลอดเลือด ทำให้อาการของโรคริดสีดวงทวารเบาลง



เห็ดหลินจือกับอาการปวดประจำเดือน





อาการปวดประจำเดือน (Dysmenorrhea) มักพบในเด็กสาวหรือผู้หญิงที่อายุยังน้อย มักมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยอย่างรุนแรง ใยช่วงวันแรกๆของการมีประจำเดือน บางครั้งมีอาการปวดมากเหมือนไม่สบาย มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว เต้านมคัด ตึง ปวดบริเวณบั้นเอว บางคนถึงกับเป็นลม ซึ่งอาการปวดนี้จะหายไปเองใน 1-2 วัน เพราะสาเหตุของการปวดประจำเดือนส่วนใหญ่มาจากกล้ามเนื้อปากมดลูกตึงเกินไป ในบางรายอาจพบว่าก่อนหรือระหว่างการมีประจำเดือน อาจมีอาการของโรคแทรกซ้อนขึ้นมา ไมเกรน ปวดศีรษะ เช่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย

อาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual tension) มีอาการเป็นสัญญาณเตือนก่อนประจำเดือนจะมา อาการที่พบ อาทิ บวมน้ำ น้ำหนักตัวเพิ่ม ข้อบวม รู้สึกอยากอาหาร มีสิวขึ้น อ่อนเพลีย หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ

การเกิดอาการก่อนมีประจำเดือน เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงระหว่างมีรอบเดือน บางครั้งเกิดจากการขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) หรือขาดกรดไขมันจำเป็น เช่น กรดแกมมาลิโนเลนิก (Gamma Linolenic Acid -GLA) ขาดวิตามินบี 5 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมรอบประจำเดือน

ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือกับอาการปวดประจำเดือน
แม้ว่าเห็ดหลินจือนั้นจะไม่มีฮอร์โมนเพศหญิง หรือฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่เห็ดหลินจือสามารถกระตุ้นให้ร่างกายของคุณผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น จนช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนให้หายไป เห็ดหลินจือจะปรับระบบการไหลเวียนโลหิตให้เข้าสู่ภาวะปกติ และที่สำคัญในเห็ดหลินจือนั้นยังมีแกดแกมมาลิโนเลนิก (Gamma Linolenic Acid -GLA) ที่ช่วยในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างดี



เห็ดหลินจือกับโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต





โรคเส้นลือดอุดตันในสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นโรคที่สมองขาดออกซิเจน อันนเื่องมาจากการที่เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตัน หรือแตก ทำให้การทำงานของสมองส่วนต่างๆผิดปกติ สมองเป็นอวัยวะที่ควบคุมหน้าที่ต่างๆของร่างกาย หากสมองตายไปเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง ผู้ป่วยอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการพูด พฤติกรรมและความจำ

นอกจากนี้ยังทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกาย ในส่วนที่สมองส่วนนั้นๆควบคุมอ่อนแรง ความผิดปกติของร่างกายที่เกิดขึ้น จะเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า สมองส่วนใดขาดเลือดไปเลี้ยง และขาดเลือดไปเลี้ยงมากน้อยขนาดใด ตัวอย่างเช่น หากสมองด้านหลังขาดเลือดไปเลี้ยง ผู้ป่วยจะมีปัญหาเกี่ยวกับการมองหรือเห็นภาพ

หากมีปัญหาหลอดเลือดอุดตัน หรือแตก เกิดกับสมองด้านขวา ร่างกายซีกซ้ายของผู้ป่วยจะอ่อนแรง และในทางตรงข้าม หากมีการอุดตันหรือแตกของเส้นเลือดในสมองด้านซ้าย ร่างกายซีกขวาของผู้ป่วยจะอ่อนแรงลงเช่นกัน

โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ หมายความว่า เป็นโรคที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบตัน ซึ่งอาจจะไม่มีอาการแวดงอะไรให้ทราบชัดเจนมากนัก หรืออาจจะแน่นหน้าอก หมดสติ จนกระทั่งมีการเสียชีวิตกระทันหัน

โรคหลอเลือดแดงที่หัวใจตีบ พบว่าเป็นโรคที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งมาหลายปี เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ถ้าให้การดูแลเอาใจใส่ ดูแลสุขภาพตนเองสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยเสี่ยงต่างๆหลายปัจจัย ที่จะต้องควบคุมให้ได้เป้าหมาย ปัจจัยที่เราทราบว่า ถ้าควบคุมแล้วสามารถลดอัตราการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบได้อย่างแน่นอน คือ ระดับไขมันที่ผิดปกติ ความดันโลหิตสูง และการสูบบุหรี่เป็นต้น

ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือ


เห็ดหลินจือกับโรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง เส้นเลือดหัวใจตีบ อัมพาต อัมพฤกษ์
เห็ดหลินจือ สามารถละลายลิ่มเลือดไม่ให้อุดตันได้ เห็ดหลินจือมีสารสำคัญที่เรียกว่า นิวคลีโอไซต์ (Neucleoside) ซึ่งมีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดที่อุดตัน ไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายเกินไป จนเกิดการอุดตันของเส้นเลือด นอกจากนั้นเห็ดหลินจือช่วยในการเพิ่มออกซิเจนที่สะสมในเนื้อเยื่อ เห็ดหลินจือมีสารออกานิกเยอร์มาเนียม (Organic Germanium) ที่ช่วยในการเพิ่มออกซิเจนที่สะสมในเนื้อเยื่อ

เห็ดหลินจือนั้นช่วยลดไขมันและคลอเรสเตอรอลในเลือด เห็ดหลินจือมีสารช่วยลดไขมันและคลอเรสเตอรอลในเลือดไม่ให้มีมากเกินไป ซึ่งเห็ดหลินจือก็ช่วยขจัดอีกสาเหตุหนึ่งของโรคไปได้

ดังนั้นการที่เห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคเลือดอุดตันในสมอง เส้นเลือดหัวใจตีบ อัมพาต อัมพฤกษ์ นั่นเป็นเพราะว่าเห็ดหลินจือสามารถละลายลิ่มเลือดไม่ให้อุดตันได้ เห็ดหลินจือช่วยในการเพิ่มออกซิเจนที่สะสมในเนื้อเยื่อ ทำให้รอดพ้นหากเกิดสภาวะวิกฤติเมื่อหัวใจหรือสมองขาดออกซิเจน ช่วยลดไขมันและคลอเรสเตอรอลในเลือดไม่ให้มีมากจนเกินไป



วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

เห็ดหลินจือกับโรคประสาท





โรคประสาท (Neurosis) เป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง ที่มีอาการไท่รุนแรงนัก แต่จะแสดงอาการทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้จิตใจแปรปรวน อ่อนไหวง่าย มักมีความรู้สึกไม่สบายใจ มีความวิตกกังวลอยู่เสมอ ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกอารมณ์ หรือพฤติกรรมของตนเองให้เหมือนเดิม หรือเป็นปกติได้ โดยมีอาการที่แสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ

ลักษณะที่สำคัญของโรคประสาท คือ จะเกิดขึ้นฉับพลัน มักทราบว่าอาการเกิดขึ้นเมื่อใด ก่อนเกิดอาการมักมีสาเหตุที่กระตุ้นเขามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ เช่น การตายของบุคคลอันเป็นที่รัก ฯลฯ

ความแปรปรวนชนิดอ่อนๆของคนที่มีอาการของโรคประสาท ส่วนมากยังทำงานหรือเข้าสังคมได้ แต่สมรรถภาพนั้นไม่ดีเท่าที่ควร บุคลิกภาพไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อยู่ในสภาพของความเป็นจริง และคงสภาพของตัวเองได้ รู้ตนเองว่าไม่ปกติ ไม่สบาย วิตกกังวลผิดปกติ ตามลักษณะของอาการต่างๆ

โรคประสาทมีหลายประเภท ได้แก่ โรคประสาทวิตกกังวลทั่วๆไป โรคประสาทกลัวอะไรเฉพาะอย่าง โรคประสาทวิตกกังวล เกี่ยวกับเจ็บป่วยของร่างกาย โรคประสาทตื่นตกใจง่าย โรคประสาทกลัวที่โล่งแจ้ง โรคประสาทกลัวการเข้าสังคม และโรคประสาทย้ำคิดย้ำทำ มักพบในบุคคลที่มีบุคลิกเจ้าระเบียบ หรือมีความสมบูรณ์แบบมากเกินไป

อาการที่เด่นชัดของคนที่เป็นโรคประสาท จะมีความรู้สึกกลัว หรือวิตกกังวลเป็นอาการหลัก โดยความกลัวจะเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีสิ่งเร้าที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น กลัวเสือ กลัวความมืด กลัวอยู่ในที่แคบๆ เป็นต้น

ส่วนความวิตกกังวล คือ ความกลัวในสิ่งที่ยังไม่มาถึง เมื่อความกลัวหรือความวิตกกังวลเกิดขึ้น จะมีผลต่อพฤติกรรมของคนเรา ทำให้อาการของร่างกาย อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่าง เช่น หัวใจเต้นแรง หายใจไม่อิ่ม ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดหรือเวียนศีรษะ และบางคนอาจเกิดปฏิกิริยาต่อความกลัวในขั้นรุนแรง จะมีอาการตื่นกลัวและตกใจอย่างมาก ถึงขนาดจะเป็นลมหมดสติ และถ้าความกลัวหรือความกังวลเกิดอยู่นานๆ บุคคลนั้นจะรู้สึกเหนื่อย เชื่องช้าลง ซึมเศร้า กินอะไรไม่ลง นอนไม่หลับ หรือฝันร้ายบ่อยๆ และจะคอยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ ที่คล้ายๆกันนั้นอยู่บ่อยๆ จะมีอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตได้

การสังเกตุอาการผู้ปวยโรคประสาท จะมีอาการดังนี้ คือ
  1. วิตกกังวลว่ามีอาการผิดปกติ
  2. อาการดังกล่าวนั้นมีมากมาย จนกระทบกระเทือนต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การกินอยู่นอนหลับ การทำงาน และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
  3. รู้ตัวเองดีว่ามีอาการผิดปกติ
  4. รู้สึกทรมานกับอาการที่เป็นอยู่ และต้องการรักษา
ถ้าคุณมีอาการดังกล่าวมาทั้ง 4 ข้อ ขอให้รีบไปรับการรักษา ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที

ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือ

เห็ดหลินจือกับโรคประสาท
การทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆในร่างกายนั้น ล้วนถูกสั่งการจากสมอง โดยผ่านระบบประสาทที่โยงใยไปทั่วร่างกาย ในสมองมนุษย์ประกอบด้วย เซลล์สมองมากกว่าหลายล้านเซลล์ ทำงานด้วยสือประสาท มีหลอดเลือดนำอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยง ซึ่งหากเกิดความผิดปกติของสารสื่อประสาท หรือระบบหลอดเลือดที่จะมาเลี้ยงตีบตัน ย่อมส่งผลให้การทำงานของสมองบกพร่อง เกิดภาวะผิดปกติ และที่สำคัญ ความคิดอ่านบกพร่อง สติปัญญาลดประสิทธิภาพลง จนถึงภาวะความเครียด ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการทางประสาท

การบรรเทาอาการทางประสาทนั้น อาจจะใช้สรรพคุณจากเห็ดหลินจือช่วย เนื่องจากเห็ดหลินจือ จะมีสารปรับสมดุล (Adaptogen) ที่สามารถลดความเครียดในสมอง และเสริมสร้างสารสื่อประสาทให้แก่สมอง กระตุ้นประสาท และยังสามารถปรับให้การทำงานของสมอง กลับคืนสู่สภาวะปกติได้ ช่วยลดความพิการที่เกิดจากสมองเสื่อม และช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี่ยงสมองทำงานดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจน ที่ไปเลี้ยงสมองให้สูงขึ้นถึงหนึ่งเท่าครึ่ง ผู้ที่รับประทานเห็ดหลินจือเป็นประจำ ระดับความเครียดจะลดลง และช่วยลดปริมาณยาคลายเครียดได้

ส่วนด้านการแพทย์แผนจีนหรือหมอจีนนั้น กล่าวว่า เมื่อกินเห็ดหลินจือแล้ว คุณค่าในสมุนไพรจีนชนิดนี้ จะไปปรับจิตใจให้มีอาการสงบนิ่ง เมื่อจิตสงบก็จะไม่ขี้หลงขี้ลืม เมื่อสมองโล่งโปร่ง ก็จะทำให้เกิดสติปัญญาในที่สุด